แชร์

กรณีศึกษา: องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้ BCM อย่างมีประสิทธิภาพ

อัพเดทล่าสุด: 4 มี.ค. 2025
230 ผู้เข้าชม
กรณีศึกษา: องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้ BCM อย่างมีประสิทธิภาพ

การบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management - BCM) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่องค์กรทั่วโลกนำมาใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ แม้เผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีทางไซเบอร์ หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย บทความนี้จะพาไปดู 2 กรณีศึกษา ขององค์กรที่สามารถนำ BCM มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว


1. Toyota การฟื้นตัวหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น

เหตุการณ์

ในปี 2011 ประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับ แผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ และ สึนามิที่สร้างความเสียหายมหาศาล ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์เสียหายหนัก หนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ Toyota ซึ่งมีโรงงานผลิตและซัพพลายเชนกระจายอยู่ทั่วประเทศ

แนวทาง BCM ที่ Toyota ใช้

การจัดทำแผนสำรองล่วงหน้า: Toyota มี "ระบบซัพพลายเชนที่กระจายตัว" ทำให้สามารถโยกย้ายการผลิตไปยังโรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบ
การสร้างความร่วมมือกับซัพพลายเออร์: Toyota จัดทำ ฐานข้อมูลซัพพลายเออร์สำรอง (Resilient Supplier Network) เพื่อให้มั่นใจว่าหากซัพพลายเออร์หลักไม่สามารถดำเนินการได้ ก็สามารถสลับไปใช้แหล่งอื่นแทน
การจัดตั้ง ศูนย์บัญชาการฉุกเฉิน: หลังเกิดเหตุการณ์ Toyota เปิดศูนย์บัญชาการฉุกเฉินเพื่อบริหารจัดการเหตุการณ์อย่างเป็นระบบ และสามารถ ฟื้นตัวกลับมาผลิตได้ภายใน 6 เดือน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ผลลัพธ์

Toyota ไม่เพียงแต่ฟื้นตัวได้รวดเร็ว แต่ยังสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนในการปรับปรุง BCM และ Supply Chain Resilience ให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตได้ดีขึ้น


2. Netflix การบริหารความต่อเนื่องของระบบไอทีในยุคดิจิทัล

เหตุการณ์

Netflix เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลกที่ต้องให้บริการแบบ 24/7 หากระบบล่มแม้เพียงไม่กี่นาที อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก ดังนั้น Netflix ต้องมี BCM สำหรับโครงสร้างไอที (IT Continuity Plan) เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น เซิร์ฟเวอร์ล่ม หรือ การโจมตีทางไซเบอร์

แนวทาง BCM ที่ Netflix ใช้

สถาปัตยกรรมระบบแบบกระจาย (Distributed Cloud Infrastructure)
Netflix ใช้ Amazon Web Services (AWS) ในรูปแบบที่กระจายโหลดการทำงานไปยังหลาย ๆ ศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ทำให้ระบบมี ความยืดหยุ่นสูง (Resilience) และไม่พึ่งพาเซิร์ฟเวอร์เดียว
ระบบ Chaos Engineering
Netflix ใช้ "Chaos Monkey" ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่จำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การปิดเซิร์ฟเวอร์แบบสุ่ม เพื่อทดสอบว่าแพลตฟอร์มสามารถรับมือกับความผิดพลาดได้ดีแค่ไหน
Automated Recovery System
Netflix พัฒนาระบบที่สามารถ ตรวจจับข้อผิดพลาดและกู้คืนระบบอัตโนมัติ ทำให้ลดโอกาสที่แพลตฟอร์มจะล่มจากปัญหาด้านไอที
ผลลัพธ์

Netflix สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น แม้จะเผชิญกับเหตุการณ์ไอทีล่ม และกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มี BCM ด้านไอทีที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมดิจิทัล

บทความที่เกี่ยวข้อง
การทบทวนสิ่งที่สำคัญจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว "ปัญหาที่แท้จริงที่ทุกองค์กรต้องกำหนดให้ชัดเจนเมื่อเกิดเหตุ"
แผ่นดินไหวไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ธรรมชาติที่สร้างความเสียหายทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าที่สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนและโอกาสในการพัฒนาระบบความพร้อมรับมือภัยพิบัติขององค์กร การทบทวนเหตุการณ์หลังจากแผ่นดินไหวจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้เราเข้าใจว่าอะไรทำได้ดี อะไรยังขาด และเราจะปรับปรุงอย่างไรให้พร้อมมากยิ่งขึ้นในอนาคต
23 เม.ย. 2025
การจัดการเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว
เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีสติและรู้ว่าจะต้องทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองและคนรอบข้างในทันที เพราะทุกวินาทีล้วนมีความหมาย การตอบสนองอย่างถูกวิธีในขณะเกิดเหตุสามารถลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้อย่างมาก บทความนี้จะเน้นไปที่การ จัดการและปฏิบัติตัว “ในช่วงเวลาที่แผ่นดินไหวกำลังเกิดขึ้น” โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนอาจตกใจหรือสับสน เราจึงต้องมีแนวทางที่ชัดเจน
22 เม.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy