ตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง - เคล็ดลับรักษาความยั่งยืนของธุรกิจ
อัพเดทล่าสุด: 4 มี.ค. 2025
153 ผู้เข้าชม
ตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง - เคล็ดลับรักษาความยั่งยืนของธุรกิจ
ในโลกที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภัยคุกคามต่าง ๆ เช่น ภัยไซเบอร์ วิกฤตเศรษฐกิจ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ การมี แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM - Business Continuity Management) ที่มีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การมีแผนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอการตรวจสอบและปรับปรุงแผน BCM อย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจยังคงอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว
บทเรียนจากเหตุการณ์จริง: เมื่อองค์กรล้มเหลวเพราะแผน BCM ล้าสมัย
หนึ่งในกรณีศึกษาที่สะท้อนความสำคัญของการทบทวนแผน BCM อย่างต่อเนื่องคือเหตุการณ์ Ransomware Attack ในปี 2021 ซึ่งทำให้บริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ต้องหยุดดำเนินงานเป็นเวลาหลายวัน
แม้ว่าบริษัทจะมีแผน BCM อยู่แล้ว แต่เมื่อภัยคุกคามเกิดขึ้นจริง พบว่า:
ขั้นตอนกู้คืนระบบไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากซอฟต์แวร์และข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสทั้งหมด
ไม่มีการฝึกซ้อมแผนเป็นประจำ ทำให้พนักงานสับสนเกี่ยวกับกระบวนการกู้คืน
แผนไม่ได้อัปเดตให้สอดคล้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ล่าสุด
ผลลัพธ์คือ บริษัทสูญเสียรายได้ไปหลายล้านดอลลาร์ และลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่น
5 เคล็ดลับในการตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง
จากบทเรียนข้างต้น เราสามารถสรุป 5 เคล็ดลับที่ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความยั่งยืนของธุรกิจได้
1. กำหนดตารางตรวจสอบ BCM เป็นประจำ
องค์กรควรมีการ ตรวจสอบแผน BCM อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงิน เทคโนโลยี และการแพทย์
ตัวอย่าง: บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางแห่งมีการ ทบทวนแผน BCM รายไตรมาส เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการป้องกันยังคงทันสมัย
2. ทดสอบแผนผ่านการจำลองสถานการณ์ (BCM Testing & Simulation)
การฝึกซ้อมช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจริง ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร
ประเภทของการทดสอบที่นิยม:
Tabletop Exercise (ฝึกซ้อมโดยใช้สถานการณ์สมมติ)
Live Simulation (ทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง)
IT Disaster Recovery Testing (ทดสอบระบบกู้คืนข้อมูล)
ตัวอย่าง: ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ มีการฝึกซ้อม Cyber Attack Drill เพื่อให้แน่ใจว่าระบบยังสามารถปกป้องข้อมูลลูกค้าได้แม้ถูกโจมตี
3. อัปเดตแผน BCM ให้สอดคล้องกับภัยคุกคามใหม่ ๆ
ภัยคุกคามในโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องเฝ้าติดตามแนวโน้มและปรับปรุงแผนให้ทันสมัย
ตัวอย่าง:
ในช่วงโควิด-19 หลายบริษัทต้องอัปเดต BCM เพื่อรองรับ Remote Work และการเปลี่ยนแปลงในซัพพลายเชน
องค์กรด้านไอทีต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน Ransomware หลังจากมีเหตุการณ์โจมตีข้อมูลขนาดใหญ่
4. มีการสื่อสารแผน BCM กับพนักงานทุกระดับ
แผนที่ดีแต่พนักงานไม่เข้าใจ = ไร้ประโยชน์
องค์กรต้องให้ความรู้และอบรมพนักงานเกี่ยวกับ BCM อย่างสม่ำเสมอ และมี BCM Awareness Program เพื่อให้พนักงานเข้าใจบทบาทของตนในภาวะฉุกเฉิน
ตัวอย่าง: บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเคมี มีการฝึกอบรม Emergency Response Training ทุกไตรมาส เพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
5. มีตัวชี้วัด (KPI) เพื่อติดตามประสิทธิภาพของ BCM
การตั้ง KPI ทำให้องค์กรสามารถวัดผลความสำเร็จของแผน BCM ได้ชัดเจน
ตัวอย่าง KPI ที่นิยมใช้:
เวลาในการกู้คืนระบบ (Recovery Time Objective - RTO)
ระยะเวลาที่ธุรกิจสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องใช้ระบบหลัก (Maximum Tolerable Downtime - MTD)
ผลตอบรับจากการฝึกซ้อมแผน (Training Effectiveness Score)
ในโลกที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภัยคุกคามต่าง ๆ เช่น ภัยไซเบอร์ วิกฤตเศรษฐกิจ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ การมี แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM - Business Continuity Management) ที่มีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การมีแผนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอการตรวจสอบและปรับปรุงแผน BCM อย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจยังคงอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว
บทเรียนจากเหตุการณ์จริง: เมื่อองค์กรล้มเหลวเพราะแผน BCM ล้าสมัย
หนึ่งในกรณีศึกษาที่สะท้อนความสำคัญของการทบทวนแผน BCM อย่างต่อเนื่องคือเหตุการณ์ Ransomware Attack ในปี 2021 ซึ่งทำให้บริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ต้องหยุดดำเนินงานเป็นเวลาหลายวัน
แม้ว่าบริษัทจะมีแผน BCM อยู่แล้ว แต่เมื่อภัยคุกคามเกิดขึ้นจริง พบว่า:
ขั้นตอนกู้คืนระบบไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากซอฟต์แวร์และข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสทั้งหมด
ไม่มีการฝึกซ้อมแผนเป็นประจำ ทำให้พนักงานสับสนเกี่ยวกับกระบวนการกู้คืน
แผนไม่ได้อัปเดตให้สอดคล้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ล่าสุด
ผลลัพธ์คือ บริษัทสูญเสียรายได้ไปหลายล้านดอลลาร์ และลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่น
5 เคล็ดลับในการตรวจสอบแผน BCM อย่างต่อเนื่อง
จากบทเรียนข้างต้น เราสามารถสรุป 5 เคล็ดลับที่ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความยั่งยืนของธุรกิจได้
1. กำหนดตารางตรวจสอบ BCM เป็นประจำ
องค์กรควรมีการ ตรวจสอบแผน BCM อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงิน เทคโนโลยี และการแพทย์
ตัวอย่าง: บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางแห่งมีการ ทบทวนแผน BCM รายไตรมาส เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการป้องกันยังคงทันสมัย
2. ทดสอบแผนผ่านการจำลองสถานการณ์ (BCM Testing & Simulation)
การฝึกซ้อมช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจริง ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร
ประเภทของการทดสอบที่นิยม:
Tabletop Exercise (ฝึกซ้อมโดยใช้สถานการณ์สมมติ)
Live Simulation (ทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง)
IT Disaster Recovery Testing (ทดสอบระบบกู้คืนข้อมูล)
ตัวอย่าง: ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ มีการฝึกซ้อม Cyber Attack Drill เพื่อให้แน่ใจว่าระบบยังสามารถปกป้องข้อมูลลูกค้าได้แม้ถูกโจมตี
3. อัปเดตแผน BCM ให้สอดคล้องกับภัยคุกคามใหม่ ๆ
ภัยคุกคามในโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องเฝ้าติดตามแนวโน้มและปรับปรุงแผนให้ทันสมัย
ตัวอย่าง:
ในช่วงโควิด-19 หลายบริษัทต้องอัปเดต BCM เพื่อรองรับ Remote Work และการเปลี่ยนแปลงในซัพพลายเชน
องค์กรด้านไอทีต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน Ransomware หลังจากมีเหตุการณ์โจมตีข้อมูลขนาดใหญ่
4. มีการสื่อสารแผน BCM กับพนักงานทุกระดับ
แผนที่ดีแต่พนักงานไม่เข้าใจ = ไร้ประโยชน์
องค์กรต้องให้ความรู้และอบรมพนักงานเกี่ยวกับ BCM อย่างสม่ำเสมอ และมี BCM Awareness Program เพื่อให้พนักงานเข้าใจบทบาทของตนในภาวะฉุกเฉิน
ตัวอย่าง: บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเคมี มีการฝึกอบรม Emergency Response Training ทุกไตรมาส เพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
5. มีตัวชี้วัด (KPI) เพื่อติดตามประสิทธิภาพของ BCM
การตั้ง KPI ทำให้องค์กรสามารถวัดผลความสำเร็จของแผน BCM ได้ชัดเจน
ตัวอย่าง KPI ที่นิยมใช้:
เวลาในการกู้คืนระบบ (Recovery Time Objective - RTO)
ระยะเวลาที่ธุรกิจสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องใช้ระบบหลัก (Maximum Tolerable Downtime - MTD)
ผลตอบรับจากการฝึกซ้อมแผน (Training Effectiveness Score)
บทความที่เกี่ยวข้อง
แผ่นดินไหวไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ธรรมชาติที่สร้างความเสียหายทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าที่สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนและโอกาสในการพัฒนาระบบความพร้อมรับมือภัยพิบัติขององค์กร การทบทวนเหตุการณ์หลังจากแผ่นดินไหวจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้เราเข้าใจว่าอะไรทำได้ดี อะไรยังขาด และเราจะปรับปรุงอย่างไรให้พร้อมมากยิ่งขึ้นในอนาคต
23 เม.ย. 2025
เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีสติและรู้ว่าจะต้องทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองและคนรอบข้างในทันที เพราะทุกวินาทีล้วนมีความหมาย การตอบสนองอย่างถูกวิธีในขณะเกิดเหตุสามารถลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้อย่างมาก
บทความนี้จะเน้นไปที่การ จัดการและปฏิบัติตัว “ในช่วงเวลาที่แผ่นดินไหวกำลังเกิดขึ้น” โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนอาจตกใจหรือสับสน เราจึงต้องมีแนวทางที่ชัดเจน
22 เม.ย. 2025